แรงงานปริทัศน์ออนไลน์ฉบับที่52(399) ประจำเดือนธันวาคม 2563 กว่าจะได้พบกับผู้อ่านก็ล่วงเข้าสู่ช่วงปลายเดือนมกราคม 2564 คณะผู้จัดทำต้องขออภัยในความล่าช้าที่เกิดขึ้นนี้
การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 นำมาซึ่งการกลับสู่สถานการณ์เศรษฐกิจซบเซาที่ส่งผลกระทบต่อการหาเลี้ยงชีพของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะปริมาณผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันก็จะพบว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ขยายวงกว้างกว่าครั้งแรกอย่างมาก นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดข้อถกเถียงหลายประเด็นในสังคมไทย
ข้อถกเถียงแรกที่แรงงานปริทัศน์ให้ความสนใจคือการระบาดครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของใคร? หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดสงบเงียบไปนาน จนองค์การอนามัยโลกออกมาชมเชยความสำเร็จในการจัดการโรคระบาดของประเทศไทย นำมาซึ่งความปลาบปลื้มใจของรัฐบาล ต่อมามีการพบผู้ติดเชื้อใหม่เป็นครั้งแรกเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วเป็นหญิงที่เดินทางกลับจากการทำงานในประเทศเมียนมาซึ่งยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคอย่างรุนแรงโดยไม่ผ่านกระบวนการกักตัว เดินทางผ่านจังหวัดเชียงรายกลับบ้านที่เชียงใหม่ และได้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ขึ้นอย่างกว้างขวางในจังหวัดสมุทรสาครในหมู่แรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมเป็นต้นมา ต่อมาได้พบการระบาดในจังหวัดระยองและชลบุรีจากนักพนันที่ลักลอบเล่นในบ่อนพนันผิดกฎหมาย
ในระยะแรกแรงงานชาวเมียนมาในจังหวัดสมุทรสาครตกเป็นแพะรับบาปจากการประณามของคนไทย ในฐานะเป็นต้นเหตุของการกลับมาระบาดใหม่ของโรคโควิด-19 ก่อนที่สังคมจะถูกเตือนสติจากองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานด้านสิทธิแรงงานข้ามชาติให้มองหาสาเหตุที่แท้จริงซึ่งมาจากความหละหลวมและการทุจริตคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐระดับต่างๆ ซึ่งปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยและมีการเปิดบ่อนการพนันผิดกฎหมายจนเป็นที่มาของการแพร่ระบาดโรคระลอกใหม่
ข้อถกเถียงต่อมาคือ ในสถานการณ์เช่นนี้จะใช้มาตรการควบคุมโรคระบาดอย่างไรให้เกิดความสมดุลระหว่างความปลอดภัยด้านสุขภาพกับการที่ประชาชนยังคงต้องมีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง? หากหันกลับไปดูมาตรการควบคุมโรคเมื่อเกิดการระบาดในรอบแรก การ “ล็อคดาวน์” อย่างเข้มงวดในทุกพื้นที่ทำให้สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคในระยะเวลารวดเร็วกว่าที่คาดกันไว้ แต่ก็นำมาซึ่งภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่คนจนๆซึ่งเป็นลูกจ้างในสถานประกอบการ แรงงานนอกระบบ และผู้ประกอบการรายย่อยแทบล้มละลายจากการตกงาน การสูญเสียพื้นที่สาธารณะในการทำมาหากิน และการต้องปิดกิจการ บทเรียนที่เกิดขึ้นทำให้ในครั้งนี้รัฐบาลไม่อาจผลีผลามใช้มาตรการ“ล็อกดาวน์”โดยไม่แยกแยะพื้นที่ซึ่งมีความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโรคไม่เท่ากัน
แตกต่างจากมาตรการทางการเมืองที่รัฐบาลใช้ควบคุมการเคลื่อนไหวทางการเมืองของประชาชนในช่วงของการระบาดระลอกใหม่นี้ ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาปรากฏว่าแกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ได้ถูกหมายเรียกในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ไปแล้วถึง 55 คน เสมือนหนึ่งเป็นการฉกฉวยโอกาสที่ประชาชนกำลังเกรงกลัวโรคระบาดไม่กล้าออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว ทำการกวาดล้างแกนนำขบวนการเคลื่อนไหวที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาล นโยบายทางการเมืองที่รัฐบาลใช้อยู่ในขณะนี้ย่อมทำให้สังคมไทยเข้าสูภาวะตีบตันไร้ทางออก ซึ่งจะส่งผลเสียทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ปีใหม่ 2564 จึงเริ่มต้นด้วยการที่ประชาชนต้องเผชิญกับปัญหามากมายที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ ที่จะนำไปสู่ทางออกในอนาคตอันใกล้นี้
แรงงานปริทัศน์ออนไลน์ ธ.ค.63