แรงงานปริทัศน์ ฉบับที่ 394 เดือนกรกฎาคม 2563

แรงงานปริทัศน์ออนไลน์ฉบับที่47(394) ประจำเดือนกรกฎาคม 2563 สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่สงบนิ่งมาระยะหนึ่ง กลับกลายเป็นกระแสข่าวขึ้นมาอีกจากรณีทหารอียิปต์ 1 คนที่เดินทางเข้ามาพักอยู่ในจังหวัดระยอง และเด็กหญิงลูกสาวทูตซูดานที่พักอยู่ในกรุงเทพฯติดเชื้อโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวและการค้าขายในจังหวัดระยองที่กำลังเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ต้องซบเซาลงไปอีกครั้ง ผู้ที่รับผลกระทบโดยตรงคือแรงงานในภาคบริการและผู้ประกอบการ อีกทั้งโรงเรียนต่างๆในบริเวณใกล้เคียงที่บุคคล 2 คนนี้เข้าพักอาศัยอยู่ต้องพลอยถูกปิดไปด้วย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ได้เกิดจากประชาชน “การ์ดตก” แต่มาจากการที่รัฐบาลมีข้อยกเว้นต่อบุคคลบางกลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศไทย ให้ได้รับอภิสิทธิ์ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19อย่างเข้มงวดเหมือนประชาชนทั่วไป ทั้งนี้บุคคลที่ติดโรคก็ถือว่าเป็นแขกของรัฐบาลที่ได้รับอภิสิทธ์ แต่ไม่มีมาตรการป้องกันจนเกิดปัญหาขึ้นมา

ในด้านสถานการณ์ทางการเมือง คงยังจำกันได้ว่าในช่วงเดือนมีนาคมก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาด นักเรียน นักศึกษา และประชาชนบางกลุ่มมีการชุมนุมเคลื่อนไหวที่เรียกว่า “แฟลชม็อบ” เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมของรัฐบาลและสถาบันตุลาการ แต่การเคลื่อนไหวต้องยุติลงเนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เมื่อสถานการณ์ของโรคระบาดคลี่คลายไป ความไม่พอใจรัฐบาลของประชาชนที่ต้องอดกลั้นมายาวนานก็ปะทุขึ้นมา โดยเกิดการชุมนุมทางการเมืองที่นำโดย”กลุ่มเยาวชนปลดแอก” และสหภาพนักเรียนนิสิต นักศึกษา แห่งประเทศไทย เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และขยายไปยังภาคต่างๆทั่วประเทศ ในขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลยังคงวุ่นวายอยู่กับการแย่งชิงอำนาจภายในพรรคและตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ

ควบคู่กับวิกฤตทางการเมืองคือวิกฤตทางเศรษฐกิจที่มาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำก่อนเกิดปัญหาโรคระบาด และมาถูกผลักให้ดิ่งลงเหวเมื่อเกิดการ “ล็อคดาวน์” ประเทศในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ข่าวสารที่ปรากฏในแรงงานปริทัศน์ฉบับนี้ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวของของการเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะปัญหาการว่างงานและการขาดรายได้ของประชาชน และที่จะขาดเสียไม่ได้คือการขอให้รัฐบาลใช้จ่ายเงินกู้สำหรับแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมให้มีประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง

เมื่อพิจารณาสถานการณ์ของประเทศในเวลานี้ อาจดูเหมือนมืดมน แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออก ซึ่งควรจะต้องเป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้พลังที่บริสุทธิ์ของประชาชนกลุ่มต่างๆรวมทั้งพลังของขบวนการแรงงานจะต้องมีการรวมตัวกันเพื่อถ่วงดุลอำนาจ และกดดันให้ชนชั้นนำทางการเมืองไม่กล้ากระทำการอย่างฉ้อฉล และต้องปฏิบัติตามกฎ กติกาของระบอบประชาธิปไตยที่มีความเป็นสากล

แรงงานปริทัศน์ออนไลน์ ก.ค.63