2 ขบวน ชูประเด็นรับรองอนุสัญญาILO ฉบับที่ 87 ฉบับที่ 98 เรียกร้องให้ปรับค่าจ้างที่เป็นธรรม และหยุดการจ้างงานไม่มั่นคง ขยายสิทธิประกันสังคม ดูแลเรื่องความปลอดภัย
วันที่ 1 พฤษภาคม 2562 วันกรรมกรสากล และวันแรงงานแห่งชาติ ปี2562 ปีนี้ขบวนแรงงานแบ่งจัดเป็น 2 กลุ่มหลัก กลุ่มแรก คณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ คือสภาองค์การลูกจ้าง 15 สภา 1 สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ และ 1องค์กรแรงงานนอกระบบ รวมเป็น 17 องค์ ซึ่งได้รับทุนการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐในการจัดงาน ภายใต้คำขวัญ “แรงงานก้าวหน้า เศรษฐกิจก้าวไกล เทิดไท้องค์ราชัน” โดยจัดกิจกรรมทำบุญที่กองทัพบก และเดินขบวนมาที่ ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง โดยมีนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเปิดงาน และรับข้อเรียกร้อง 10 ข้อ
และอีกขบวน คณะกรรมการจัดงานวันกรรมกรสากลคือ คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ร่วมกับสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้นัดร่วมตัวกันที่ โกดังสเตเดียม การท่าเรือแห่งประเทศไทย คลองเตย กรุงเทพฯ ชูคำขวัญ “สามัคคีกรรมกร ต้านทุนนิยมครอบโลก สร้างสังคมใหม่ ประชาธิปไตยประชาชน ” ซึ่งกล่าวเปิดงานโดย ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งเรือแห่งประเทศไทย ในช่วงก่อนเข้าสู่เวทีการจัดงานในโกดัง ได้มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการทลายกำแพง “ทุนนิยมครอบโลก” นำโดยผู้นำแรงงานจากองค์กรต่างๆ
ในส่วนของข้อเรียกร้องทั้ง 2 ขบวนแรงงานมีดังนี้
คณะกรรมการวันแรงงานแห่งชาติ 2562 | คณะกรรมการจัดงานวันกรรมกรสากล 2562 |
1. เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ให้รัฐรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 87 ในเรื่องการคุ้มครองการจัดตั้งสหภาพแรงงาน และฉบับที่ 98 เรื่องคุ้มครองการเจรจาต่อรอง | 1. รัฐต้องจัดให้มีรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าที่มีคุณภาพให้ประชาชนทุกคน ได้เข้าถึงอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติ อันประกอบด้วย
1.1 ด้านสาธารณสุขประชาชนทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและไม่มีค่าใช้จ่าย 1.2 ด้านการศึกษาตามความต้องการในทุกระดับโดยไม่มีค่าใช้จ่าย |
2. ขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการนำร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านประชาพิจารณ์มาแล้ว เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในรัฐสภาฯโดยเร่งด่วน | 2. รัฐต้องกำหนดค่าจ้างแรงงานที่เป็นธรรม ครอบคลุมทุกภาคส่วน 2.1 กำหนดนิยามค่าจ้างขั้นต่ำแรกเข้าที่มีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวอีก 2 คนตามหลักการขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และต้องเท่ากันทั้งประเทศ 2.2 กำหนดให้มีโครงสร้างค่าจ้างและปรับค่าจ้างทุกปี |
3. ขอให้รัฐบาลแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2561
3.1 กำหนดการเกษียณอายุของลูกจ้างอยู่ที่ 60 ปี ในกรณีลูกจ้างมีอายุ 55 ปี ประสงค์จะลาออกจากการเป็นลูกจ้าง ให้นายจ้างอนุญาตให้ลาออกได้ โดยได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับลูกจ้างที่เกษียณอายุทุกประการ 3.2 ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการหามาตรการให้สถานที่มีลูกจ้างรับเหมาค่าแรงปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ตามมาตรา 11/1 อย่างเคร่งครัด |
3. รัฐต้องให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคม และการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวกัน และ ฉบับที่ 98 ว่าด้วยการปฏิบัติตามหลักการแห่งสิทธิในการรวมตัว และการร่วมเจรจาต่อรอง และอนุสัญญาILO ฉบับที่ 183 ว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นมารดา (ตามรัฐธรรมนูญหมวด 3 มาตรา 48)
|
4. ให้รัฐบาลปฏิรูป แก้ไข เพิ่มเติม เกี่ยวกับประกันสังคม ดังนี้
4.1 ปรับฐานการรับเงินบำนาญ โดยให้มีอัตราเริ่มต้นที่ 5,000 บาท 4.2 ในกรณีผู้ประกันตนเกษียณอายุและรับบำนาญแล้ว เมื่อสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ต่อให้มีสิทธิรับเงินบำนาญต่อไป และผู้ประกันตนที่รับบำนาญชราภาพให้คงสิทธิประโยชน์ไว้ 3 กรณี ได้แก่ การรักษาพยาบาล ทุพพลภาพ และค่าทำศพเหมือนเดิม 4.3 ในกรณีผู้ประกันตนพ้นสภาพจากมาตรา 33 และประกันตนต่อมาตรา 39 การคำนวณเดิมค่าจ้าง 60 เดือนเป็น ค่าทดแทนต่างๆ ขอให้ใช้หลักฐานค่าจ้างจากมาตรา 33 4.4 เพิ่มสิทธิประโยชน์ การรักษาพยาบาล ผู้ประกันตน มาตรา 40 เหมือนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 4.5 ขยายอายุผู้ประกันตน จาก 15-60 ปี (เดิม) ขยายเป็น 15-70 ปี เพื่อให้เข้ากับสังคมผู้สูงอายุ 4.6 ในกรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพื่อสร้างแรงจูงใจและลดความเหลื่อมล้ำ ให้รวมทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 เป็นทางเลือกเดียวกัน |
4. รัฐต้องปฏิรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพในการบริการที่ดี มีคุณภาพ มีคุณภาพเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนดังนี้
4.1 ยกเลิกนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและการแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจทุกรูปแบบ 4.3 ให้มีการบริหารจัดการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้และมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ
|
5. ให้รัฐบาลรวมกองทุนเงินทดแทนกับกองความปลอดภัยแรงงาน และยกระดับเป็นกรมความปลอดภัยแรงงาน | 5. รัฐต้องยกเลิกนโยบายที่ว่าด้วยการลดสวัสดิการพนักงานรัฐวิสาหกิจและครอบครัว |
6. ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ พ.ร.บ. กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เข้าสู่การพิจารณาต่อรัฐสภาให้บังคับใช้โดยเร่งด่วน | 6. รัฐต้องปฏิรูประบบประกันสังคม ดังนี้
6.1 ปฏิรูปโครงสร้างการบริหารงานสำนักงานประกันสังคม ให้เป็นอิสระ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วม 6.4 เพิ่มสิทธิประโยชน์ ชราภาพร้อยละ 50 ของเงินเดือนสุดท้าย 6.5 ให้สำนักงานประกันสังคมประกาศใช้อนุบัญญัติทั้ง 17 ฉบับ ที่ออกตามพระราชบัญญัติประกันสังคม ฉบับแก้ไข พ.ศ. 2558 6.6 ขยายกรอบเวลาการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ในกองทุนเงินทดแทน จนสิ้นสุดการรักษาตามคำวินิจฉัยของแพทย์ |
7. ให้รัฐบาลออกกฎหมายคุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพแรงงานนอกระบบ และมีสิทธิจัดตั้งองค์กรได้ | 7. รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกรณีที่นายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย เช่น การปิดกิจการ หรือยุบเลิกกิจการในทุกรูปแบบ (ตามรัฐธรรมนูญ หมวด 5 มาตรา 53) |
8. ให้รัฐบาลจัดระบบสวัสดิการ หรือกองทุนสวัสดิภาพของรัฐวิสาหกิจให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจ ทั้งยังมีสถานภาพเป็นพนักงาน และที่พันสภาพความเป็นพนักงานให้ได้รับไม่น้อยกว่าลูกจ้างภาคเอกชนที่ได้รับตามระบบประกันสังคม มาตรา 33 และมาตรา 39 | 8. รัฐต้องจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงจากการลงทุน โดยให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อเป็นหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิแรงงาน เมื่อมีการเลิกจ้าง หรือเลิกกิจการไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ผู้ใช้แรงงานมีสิทธิได้รับค่าชดเชยจากกองทุน รวมทั้งการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างได้ (กรณีศึกษา บริษัท บริติช-ไทยซิน เท็กสไทล์ จำกัด) |
9. ให้กระทรวงแรงงานปฏิบัติการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 ตามมาตรา 74 รัฐพึงจัดให้มีระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการดำเนินการ | 9. รัฐต้องเร่งรัดให้มีการพัฒนากลไกการเข้าถึงสิทธิ การบังคับใช้ พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 อย่างจริงจัง ภายใต้การมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้ใช้แรงงานทุกภาคส่วน และยกเลิกการใช้แร่ใยหินในทุกรูปแบบ |
10. ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงแรงงาน แต่งตั้งคณะทำงานติดตามข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติปี 2562 | 10. รัฐต้องจัดสรรงบให้กับสถาบันความปลอดภัยฯเพื่อใช้บริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพ |
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยว่า วันแรงงานแห่งชาติ เป็นวันสำคัญของคนทำงาน ที่เป็นผู้ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโต รัฐบาลจึงมุ่งหวังให้ประเทศมีภาคการผลิตที่เป็นอุตสาหกรรม 4.0 โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมใหม่ๆ การพัฒนาศักยภาพแรงงานให้มีความสามารถเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำให้ผู้ใช้แรงงานเข้าถึงสิทธิต่างๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ขอให้เข้าใจว่ากฎหมายนั้น ไม่ได้ออกมาง่ายๆ กระทรวงแรงงานมีแนวทางช่วยส่งเสริมและสร้างฝีมือทุกอย่างตามลำดับ และรัฐบาลสนับสนุนแรงงานทั้งในประเทศและแรงงานส่งออกให้มีประสิทธิภาพที่ดี รวมถึงการวางแผนตั้งแต่ระบบการศึกษา ให้ผลิตแรงงานออกมาให้ตรงกับตลาด เข้าสู่ยุค Big Data ที่เป็นระบบข้อมูลและมุ่งมั่นให้แรงงานไทยพัฒนาสู่ความเป็นสากล สร้างความเป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ผ่านการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งการออกกฎหมายคุ้มครองครอบคลุมทุกมิติ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และตลอด 5 ปี ความร่วมมือต้องมีพื้นฐานของความเข้าใจกัน ทั้งรัฐบาลและผู้ประกอบการ ทุกคนต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ เพราะกระทบกับแรงงานโดยตรง ต้องช่วยกันทำให้มีความเท่าเทียมกัน และสืบสานต่อในรัฐบาลใหม่ พร้อมทั้งพยายามที่จะให้ประเทศมีความสงบเรียบร้อย เพราะในช่วงนี้อยู่ในห้วงใกล้ถึงงานพระราชพิธีฯต้องทำให้ประเทศเรียบร้อย ผ่านไปอย่างสวยงาม ทุกอย่างต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนให้ประเทศปลอดภัย มีความสงบเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกรทรวงแรงงาน (รมว.แรงงาน) กล่าวว่า ในส่วนข้อเรียกร้องทั้ง 10 ข้อนั้น สามารถดำเนินการไปได้แล้ว 4 ข้อ คือ จัดระบบสวัสดิการกองทุนให้พนักงานรัฐวิสาหกิจตามระบบประกันสังคม ระบบการจ้างงาน ได้คืนสิทธิแรงงานประกันตนตามมาตรา 39 ไปแล้วกว่า 3 แสนคน และมีอัตราการว่างงานเพียงร้อยละ 9 ส่วนข้อที่เหลืออยู่ระหว่างการทบทวนและพิจารณาข้อกฎหมายถึงแนวทางความเป็นไปได้ ที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ดูแลกลุ่มแรงงานอย่างเต็มที่ ทั้งส่วนทิศทางแรงงาน หลังจากนี้รัฐบาลเน้นเรื่องการจ้างงานที่มีคุณค่า และความปลอดภัยในการทำงาน ส่วนเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้น ทางกระทรวงฯได้ดำเนินการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปแล้ว 5 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ประมาณ 340 บาท ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ซึ่งในปีนี้อยู่ในขั้นตอนไตรภาคี ต้องหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ส่วนในเวทีที่การท่าเรือนั้น ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งเรือแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงความสำคัญของผู้ใช้แรงงาน ที่ทำงานพัฒนาเศรษฐกิจมา ทำให้เกิดสินค้า และการขนส่ง ซึ่งในการท่าเรือเองก็มีแรงงานจำนวนมากที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเกือบ 70 ปี และยังคงทำหน้าที่ขนส่งสินค้าเข้าออก ด้านการแรงงานสัมพันธ์ทางการท่าเรือก็ใช้ระบบแรงงานสัมพันธ์โดยการปรึกษาหารือกับทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการท่าเรือแห่งประเทศไทย วันนี้การจัดงานวันกรรมกรสากล ณ ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เก่ามีประวัติศาสตร์ เป็นโกดังที่อยู่มานานคู่กับการท่าเรือ และเป็นพื้นที่ที่มีการจ้างแรงงานจำนวนมาก
ด้านนายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ได้กล่าวว่า สถานการณ์แรงงานในประเทศไทยมีกำลังแรงงานราว 40 ล้านคนเป็นแรงงานในระบบ 10 กว่าล้านคน เป็นแรงงานนอกระบบ 22 ล้านคน และมีแรงงานข้ามชาติ ราว 4 ล้านคน วันนี้ เป็น วันสำคัญทางสากล การพัฒนาประเทศที่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมใหม่ ที่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนำแรงงานเข้าสู่สังคมสูงวัย มีแรงงานจำนวนมากที่อาจปรับตัวไม่ได้กับเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องออกจากงาน หรือว่างานใหม่ที่เข้ามาไม่ต้องการใช้แรงงาน และแรงงานเหล่านี้ต้องตกงาน เป็นแรงงานนอกระบบ ซึ่งตอนนี้เราก็จะเห็นภาพของแรงงานธนาคารที่มีการปรับตัวของอุตสาหกรรม และกระทบกับแรงงานโดยตรงแล้ว ซึ่งก็จะมีอีกแรงงานอีกจำนวนมากที่ต้องตกงานก่อนวันอันสมควร หรือว่า อาจอยู่ในวัยสูงอายุ ซึ่งคสรท. และสรส. ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาแรงงานจำนวน 10 ข้อตั้งแต่ปี 2560 วันนี้ รัฐบาลยังไม่ได้มีการแก้ไข ซึ่งคงต้องมีการขับเคลื่อนและผลักดันกันต่อไป
ส่วนนายยงยุทธ์ เม่นตะเภา ประธานสมาพันธ์แรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิคส์ ยานยนต์ และโลหะแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์แรงงานที่ปรับตัว การรวมตัวของแรงงานปัจจุบันอยู่ในอาการทรงๆ หากย้อนอดีตการพัฒนาอุตสาหกรรมยุคทองของสิ่งทอมีความเข้มแข็งด้วยแรงงานจำนวนมาก เมื่อมีการยุบย้ายของแรงงานสิ่งทอทำให้แรงงานอ่อนแอ การรวมตัวของแรงงานในแระเทศไทยน้อยลง ซึ่งในแนวคิดการรวมตัวในอนาคตของ สมาพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (CILT) คือการรวมตัวข้ามอุตสาหกรรมออกไปเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกได้มีการรวมตัวแบบนี้แล้ว และในนโยบายการรวมตัวแบบอุตสาหกรรม ตอนนี้คือนโยบาย หนึ่งต้องมีการจัดตั้งสหภาพแรงงาน ประเทศไทยมีสมาชิกสหภาพแรงงานเพียง 6 แสนคนเท่านั้นซึ่งน้อยมากหากเทียบกับแรงงานทั้งประเทศ 40 ล้านคน สอง ต้องมีการควบรวม ยุบรวมสหภาพแรงงานในประเภทอุตสาหกรรมเดียวกัน และสาม คือต้องมีพรรคการเมืองของแรงงาน เพื่อการต่อสู้ในสภาผู้แทนราษฎร
ยังมีประเด็นแรงงานสตรี แรงงานข้ามชาติ แรงงานนอกระบบที่กล่าวถึงประเด็นปัญหา และข้อเสนอต่างๆ ซึ่งรัฐบาลควรต้องนำไปแก้ไขอีกด้วย และช่วงท้ายประธานคสรท.โดยนายสมพร ขวัญเนตร ได้ประกาสเจตณารมณ์ของวันกรรมกรสากล และเรียกร้องให้ร่วมกันทวงถามรัฐบาลในการแก้ปัญหาแรงงานตามข้อเรียกร้องปี 2560 ที่ทางกลุ่มได้ยื่นไป
วาสนา ลำดี รายงาน