กองทุนส่งเคราะห์ลูกจ้าง มีมติจ่ายเงินให้ลูกจ้างบริติชไทยซิน

มติคณะกรรมการวงเคราะห์ลูกจ้าง จ่ายเงินสงเคราะลูกจ้างบริษัมบริติชไทยซินฯแล้ว ๑๘,๐๐๐ บาท

จากเหตุการณ์ของบริษัทบริติชไทยซินเทติคเท็กสไทล์ ได้ปิดกิจการลงหลังจากศาลพิพากษาให้บริษัทล้มละลาย ทำให้คนงานทั้งหมดจำนวน ๑๑๑ คน ซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิงทั้งที่เป็นแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติต้องถูกลอยแพคนงานโดยไม่มีการจ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างค้างจ่าย นับตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ทำให้คนงานต้องประสบกับความเดือดร้อนอย่างมาก ในช่วงเวลาที่ผ่านมาคนงานบริษัทบริติชไทยซินเทติคเท็กสไทล์ ก็ได้พยายามหาวิธีการให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาแก้ไขปัญหา ทั้งที่เป็นนายจ้าง หน่วยงานภาครัฐ คือ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกรมบังคับคดี เพื่อให้หาแนวทางในการเยียวยาแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องคนงาน รวมทั้งการเขียนคำร้องเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง และความพยายามก็เกิดขึ้นหลายครั้ง ในการประสานหน่วยงานต่างๆ แต่การแก้ไขปัญหาก็เป็นไปด้วยความล่าช้า

คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) เห็นว่ าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเป็นเรื่องของการละเมิดสิทธิแรงงานอย่างรุนแรงที่นายจ้างกระทำต่อลูกจ้างโดยไม่รับผิดชอบใดๆ การบังคับใช้กฎหมายให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก และเรื่องดังกล่าวก็เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงาน ซึ่งทุกครั้งที่มีการติดตามเรื่องก็จะได้รับคำตอบว่า “นายจ้างล้มละลายจะให้ทำอย่างไรได้ ก็ได้พยายามแล้ว แม้กระทั่งอำนาจหน้าที่ที่จะเยียวยาตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานในการบรรเทาทุกข์ของคนงานจากเงินสงเคราะห์ลูกจ้างก็อ้างเรื่องสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบเรื่องการบริหารกองทุนที่มียอดเงินลดลง ทำให้มีปัญหาในการจ่าย
อย่างไรก็ตามภายหลังจากการประชุมกรรมการบริหาร คสรท.เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ ได้มีมติให้ คสรท.ร่วมกับสหภาพแรงงานบริษัทบริติชไทยซินเทติคเท็กสไทล์ เร่งดำเนินการผลักดันเพื่อให้คนงานได้รับสิทธิประโยชน์อันพึงมีพึงได้โดยเร็วต่อไป และในวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๐ คสรท.นำโดยประธานนายสาวิทย์ แก้วหวาน กรรมการบริหารนายไพฑูรย์ บางหรง ประธานกลุ่มสหภาพแรงงานภาคตะวันออก และผู้แทนจากสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.)ร่วมกับสหภาพแรงงานบริษัทบริติชไทยซินเทติคเท็กสไทล์ สนมาชิกประมาณ ๔๐ คน ได้ไปติดตามเรื่องการเยียวยาจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างซึ่งมีการประชุมในวันดังกล่าวกระทั่งการประชุมสิ้นสุดลงผลการประชุมมีดังนี้

 

๑.อนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ลูกจ้างตามหลักเกณฑ์ให้แก่คนงานไทยซึ่งจะได้รับประมาณคนละไม่เกิน ๑๘,๐๐๐ บาท

๒.สำหรับแรงงานข้ามชาติประมาณ ๒๐ คน ต้องไปตรวจสอบเอกสารการทำงานว่าถูกต้องหรือไม่หากมีเอกสารการทำงานและเดินทางมาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีสิทธิในการรับเงินสงเคราะห์ แต่หากไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือมีแค่ใบอนุญาตทำงานชั่วคราว(บัตรสีชมพู)ไม่สามารถจ่ายได้ ซึ่งจะนำมาพิจารณาอีกครั้งหลังตรวจสอบเอกสารแล้ว

๓.ส่วนการจ่ายเงินจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑ เดือน

หลังจากรับฟังคำชี้แจงจากผู้อำนวยการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างแล้วประธาน คสรท.กล่าวขอบคุณประธานและคณะกรรมการลุกจ้าง ผู้อำนวยการ รวมทั้งข้าราชการกระทรวงแรงงานหลายคนที่อำนวยความสะดวกให้การต้อนรับรวมทั้ง ทหาร ตำรวจ ที่เฝ้าเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากหอพักคนงานย่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่จนถึงกระทรวงแรงงาน

คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.)ขอขอบคุณองค์กรสมาชิก และเพื่อนพี่น้องเครือข่ายที่ได้ส่งกำลังใจและการสนับสนุนจนทำให้เกิดความสำเร็จไประดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีเรื่องค่าชดเชยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานซึ่งคนงานยังไม่ได้รับก็คงเป็นจังหวะก้าวในการติดตามต่อไป…และพึงระลึกไว้เสมอว่า ความรักที่มีต่อกันของพี่น้องคนงาน ความสามัคคีอย่างมีพลังจะนำพาพวกเราสู่ความกินดี อยู่ดี มีความสุข