กลุ่มแรงงาน ยื่นผู้ว่าฯสมุทรปราการ ค้านการปล่อยตัวนายจ้างยานภัณฑ์ เหตุไม่จ่ายค่าชดเชย หลังเลิกจ้าง
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 68 กลุ่มแรงงานบริษัทยานภัณฑ์และแนวร่วมคนงานทวงค่าชดเชย พร้อมนายเซีย จำปาทอง สส. พรรคประชาชน ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อยื่นหนังสือถึงนายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เรื่องการขอความร่วมมือในการประสานงานอัยการจังหวัดให้มีการคัดค้านการปล่อยตัวนายจ้างบริษัทยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ชั่วคราวเมื่อมีการส่งฟ้องศาลตามกำหนดการวันที่ 26 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งในที่ประชุมมีผู้บังคับการตำรวจภูธรสมุทรปราการ อัยการจังหวัดสมุทรปราการ และ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ เข้าร่วมชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีอาญากับฝั่งนายจ้างด้วย
ทางตัวแทนตำรวจได้แจ้งว่าทำการยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัวนายจ้างไปยังศาลแล้ว และได้รับปากว่าจะเร่งส่งเอกสารสำนวนของแรงงานยานภัณฑ์เพิ่มเติมอีกราว 200 สำนวนให้กับทางอัยการโดยเร็วที่สุด แม้เบื้องต้นทางตำรวจระบุว่ายังขาดการสืบพยานอีก 2 ปาก แต่ทั้งนี้ทางผู้ว่าฯ และที่ประชุมก็ได้เสนอแนะว่าหากติดต่อพยานเพิ่มเติมไม่สำเร็จก็ให้เร่งส่งสำนวนได้เลย เนื่องจากรูปคดีในกรณีของการเลิกจ้างลอยแพพนักงานบริษัทยานภัณฑ์มีลักษณะเหมือนกัน อ้างอิงข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน 2541 เหมือนกันและข้อมูลโดยส่วนใหญ่ก็อยู่กับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานอยู่แล้ว
ในประเด็นของการส่งฟ้องในชั้นศาล ทางอัยการจังหวัดได้แจ้งว่าสำนวนคดี 531 สำนวน ก็พร้อมยื่นต่อศาลแล้ว แต่ทางอัยการก็ไม่สามารถรับปากได้ว่าจะคัดค้านการประกันตัวฝ่ายนายจ้างให้หรือไม่ โดยยืนยันว่าทางโจทย์ หรือฝ่ายแรงงานผู้เสียหายก็มีสิทธิ์เต็มที่ในการไปยื่นคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวในวันที่ 26 มิ.ย. ณ ศาลจังหวัดสมุทรปราการด้วยตนเอง ซึ่งอีกราว 200 สำนวนที่เหลือ หากทางตำรวจได้ส่งให้กับอัยการแล้ว ทางอัยการก็จะเร่งสรุปเพื่อยื่นต่อศาลภายในวันที่ 26 มิ.ย. เช่นกัน
ในกรณีของการเลิกจ้างลอยแพพนักงานบริษัทแอลฟ่าสปินนิ่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเหมือนกันและจะขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 26 มิ.ย. นี้เหมือนกับคดีอาญาของบริษัทยานภัณฑ์ นายเซีย จำปาทอง สส. พรรคประชาชน ก็ได้มีการกำชับในที่ประชุมครั้งนี้ให้ทางอัยการคัดค้านการประกันตัวนายจ้างบริษัทแอลฟ่าสปินนิ่งด้วยเช่นกัน โดยได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเคยมีการยื่นค้านการประกันตัวไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ศาลก็ยังยอมให้มีการวางเงินและการปล่อยตัวชั่วคราว แม้มีความผิดกว่า 1,700 กรรมก็ตาม
สืบเนื่องจากวันที่ 2 มิ.ย. 68 ตัวแทนแรงงานยานภัณฑ์และแนวร่วมคนงานทวงค่าชดเชย พร้อมทั้งนายเซีย จำปาทอง สส. พรรคประชาชน ได้เดินทางไปยัง สภ. บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อยื่นหนังสือขอความร่วมมือกับทางตำรวจให้ช่วยคัดค้านการประกันตัวนายจ้างบริษัทยานภัณฑ์ จำกัด มหาชน ซึ่งได้ละเมิดกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน 2541 หลายมาตราทั้งทางแพ่งและอาญา ค้างจ่ายเงินถึง 220 ล้านบาทกับพนักงานยานภัณฑ์ถึง 859 คน ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้กับญาติและครอบครัวของคนทำงานเป็นวงกว้าง
นับแต่วันที่ 11 มี.ค. 68 กลุ่มตัวแทนแรงงานยานภัณฑ์และแนวร่วมทวงค่าชดเชยจากอีก 3 บริษัท (บอดี้แฟชั่น, แอลฟ่าสปินนิ่ง, เอเอ็มซีสปินนิ่ง) ได้ปักหลักชุมนุมที่บริเวณหน้าสำนักงาน ก.พ.ร. เก่า ข้างทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างลอยแพแรงงานของกระทรวงแรงงานและรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 68 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว. แรงงาน ได้ลงนามเสนอเรื่องของบกลางจำนวน 466 ล้านบาท เพื่อเยียวยาแรงงาน 4 บริษัทข้างต้น แต่จนถึงปัจจุบัน คณะรัฐมนตรี ยังไม่ได้พิจารณาอนุมัติงบนี้ ทำให้แรงงานผู้ได้รับความเดือดร้อนยังคงปักหลักชุมนุมต่อไป โดยเมื่อรวมกับช่วงเวลาที่ปักหลักชุมนุมหน้าโรงงานด้วยแล้ว แรงงานยานภัณฑ์ก็ได้ติดตามการแก้ไขปัญหานี้มากว่า 5 เดือนแล้ว
ในกรณีที่ตำรวจ สน. ดุสิต ดำเนินคดี พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ กับกลุ่มแรงงานยานภัณฑ์และสมาชิกขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม รวมถึงนักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุฟ้า ผู้ได้รับความเดือดร้อน เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาทั้งหมด 15 คน ได้มีการปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดและจะไปตามนัดหมายส่งตัวสำนักงานอัยการตลิ่งชันวันที่ 16, 17 มิ.ย. นี้ โดยผู้สนใจสามารถร่วมให้กำลังใจได้ตามอัธยาศัย
โดยหนังสือที่ทางกลุ่มแรงงานยานภัณฑ์ได้ยื่นต่อ นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อขอความร่วมมือประสานงานกับอัยการคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวสำหรับนายจ้างบริษัทยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) มีเนื้อหาดังนี้:
บริษัทยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2495 ด้วยทุนจดทะเบียน 2.5 ล้านบาท ดำเนินการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่จนประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง ต่อมาบริษัทยานภัณฑ์ได้ขยายสาขาการผลิตไปสู่ชิ้นส่วนรถยนต์ประเภทต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายทั่วประเทศ ปี 2547 และซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อขยายการผลิตพร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,600 ล้านบาท แต่ทว่าในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการปิดกิจการและเลิกจ้างลอยแพพนักงานกว่า 800 ชีวิต โดยไม่มีการจ่ายเงินค่าชดเชยการเลิกจ้างหรือเงินค่าทดแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ซึ่งล้วนเป็นหน้าที่ของนายจ้างตามกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคมส่วนรวม
เงินค่าชดเชยการเลิกจ้างควรจะเป็นหลักประกันความมั่นคงของผู้ใช้แรงงาน แต่สุดท้ายแล้วพนักงานยานภัณฑ์กลับต้องปักหลักประท้วงที่ข้างถนนด้านหน้าโรงงานของตัวเอง มาตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 และต่อมาก็ได้ย้ายมาปักหลักที่บริเวณสำนักงาน ก.พ.ร. เก่า ข้างทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2568 มาจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลาทั้งหมดกว่า 5 เดือนแล้ว ที่ผู้เดือดร้อนได้เคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมอยู่ข้างถนนด้วยแรงสนับสนุนจากเพื่อน ๆ จากหลายกลุ่มและองค์กร
หลายครั้งหลายครา กลุ่มพนักงานได้เรียกร้องให้รัฐบาลใช้งบกลางเพื่อเร่งเยียวยาปัญหาฉุกเฉินของแนวร่วมคนงาน 4 กลุ่ม คนงานแอลฟ่าสปินนิ่ง เอเอ็มซีสปินนิ่ง บอดี้แฟชั่นฯ และยานภัณฑ์ รวมแล้วไม่เกินสามพันคน ใช้เงินทั้งหมดราว 466 ล้านบาท อ้างอิงจากข้อมูลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ทั้งนี้ ทางกลุ่มคนงานยืนยันว่าไม่ได้เป็นการขอเงินเปล่า ๆ หากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางมาให้กับคนงานแล้ว ทรัพย์สินของนายจ้างที่ถูกกรมบังคับคดียึดเอาไว้ก็จะถูกยกให้เป็นของรัฐบาล ซึ่งทางรัฐบาลสามารถเอาคืนคลังต่อไปได้ในภายหลัง
ข้อเสนองบกลางดังนี้ ได้ถูกสานต่อโดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งได้ลงนามรับรองเรื่องการของบไปแล้วเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ตามหนังสือด่วนที่สุด รง 0502/381 แต่ตอนนี้เรื่องยังคงรอความชัดเจนจากทางคณะรัฐมนตรีอยู่ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ภายหลังการติดตามทวงถามอย่างต่อเนื่อง ตัวแทนคนงานได้รับทราบจากทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่าการขอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจาก 8 หน่วยงาน คือ กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, กระทรวงการคลัง, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงอุตสาหกรรม, และสำนักงบประมาณ นั้นได้รับหนังสือความเห็นตอบกลับมาอย่างครบถ้วนแล้ว และพร้อมสำหรับการทำสรุปข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเป็นการต่อไป
นอกจากนี้ พนักงานที่ได้รับความเดือดร้อนได้ออกเคลื่อนไหวประสานงาน แบ่งปันข้อมูลและทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ของหลาย ๆ หน่วยงานข้างต้น เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขทั้งสำหรับปัญหาในเบื้องต้นและสำหรับปัญหาของผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศไทยต่อไปในระยะยาวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงจากการถูกเลิกจ้าง, การปรับแก้ข้อกฎหมายว่าด้วยการยึดทรัพย์นายจ้างและลำดับเจ้าหนี้ หรือการเร่งรัดการดำเนินคดีกับนายจ้างที่ฝ่าฝืนกฎหมายและสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทย ดังเช่นในการสัมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นแนวทางการจัดให้มีหลักประกันการจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้าง กรณีนายจ้างเลิกจ้าง วันที่ 9 เมษายน 2568 จัดโดยกระทรวงแรงงาน ซึ่งกลุ่มพนักงานยานภัณฑ์และผู้ได้รับความเดือดร้อนจากนายจ้างบริษัทอื่น ๆ ก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการ
ล่าสุดทางตำรวจ สภ. บางแก้ว ได้สรุปส่งสำนวนฟ้องร้องนายจ้างบริษัทยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ไปที่อัยการสมุทรปราการแล้วถึง 533 สำนวน และมีนัดหมายทั้งโจทย์และจำเลยขึ้นศาลวันที่ 26 มิถุนายน 2568 โดยทางกลุ่มแรงงานก็จะยื่นคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวนายจ้างอีกครั้งในศาลอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อมิให้การกระทำความเสียหายต่อผู้ใช้แรงงานอย่างโจ่งแจ้งและร้ายแรงครั้งนี้ยืดเยื้อต่อไป อันเป็นการซ้ำเติมแรงงานผู้ถูกกระทำด้วยภาระการต่อสู้ทางกฎหมายและภาระในการดำรงชีพ
จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์จากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการให้ช่วยประสานกับทางอัยการเพื่อคัดค้านการปล่อยตัวนายจ้างบริษัทยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ละเมิดกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 หลายมาตราทั้งทางแพ่งและอาญาภายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยค้างจ่ายเงินราว 220 ล้านบาทกับพนักงานยานภัณฑ์ถึง 859 คน และส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้กับญาติและครอบครัวของคนทำงานเป็นวงกว้าง
ชลิต รัษฐปานะ รายงาน