สรส.ทั่วประเทศ บุกยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)และแนวโยบายของรัฐบาลที่นำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
วันที่ 2 สิงหาคม 2560 สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ทั่วประเทศ ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและแนวโยบายของรัฐบาลที่นำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจกลับถูกแทรกแซง การแสวงหาประโยชน์จากนักการเมืองที่มุ่งเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและกลุ่มทุนพวกพ้อง ความโปร่งใสในการบริหารจัดการ จนทำให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งต้องแบกรับภาระทางการเงิน ตลอดจนการกำหนดนโยบายที่มีการแปลงเจตนาของรัฐวิสาหกิจเป็นองค์การทางธุรกิจ ที่มุ่งเพียงผลกำไร ทำให้ประเทศต้องประสบปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ความแตกต่างระหว่างสังคมเมืองและชนบท ซึ่งรัฐบาลซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้เหตุผลและแถลงต่อสื่อมวลชนว่า “มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปรัฐวิสาหกิจเสียใหม่ เพราะที่ผ่านมามีการแทรกแซง แสวงหาประโยชน์ จากนักการเมือง มีการทุจริต ทำให้ภารกิจของรัฐวิสาหกิจไม่สนองต่อความต้องการของประเทศชาติ ประชาชนได้อย่างเต็มที่” หากมีการดำเนินการให้เป็นไปตามที่ได้แถลงเหตุผลไว้ สรส. และองค์กรสมาชิก ซึ่งได้ติดตามการดำเนินงานมาโดยตลอด ก็ถือเป็นแนวทางที่ดีหากรัฐบาลมุ่งมั่นเพื่อการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพรัฐวิสาหกิจองค์กรที่เป็นเครื่องมือหลักของรัฐให้สามารถจัดบริการสาธารณะเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของประชาชน สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาล
แต่จากการติดตามผลงานตามนโยบายของรัฐบาลแล้วพบว่า การดำเนินการของรัฐกลับไม่เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้ เข้าใจได้ว่าอาจจะมาจากการแปรความหมายการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจตามแนวทางและเจตนารมณ์ของรัฐไปปฏิบัติ ซึ่งไม่สอดคล้องกับเจตนาที่ได้แถลงเอาไว้จนแสดงให้เห็นว่า เป็นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อเอื้อประโยชน์จนนำไปสู่การส่งผลกระทบต่อประเทศและประชาชนมากกว่า อาทิ
- กรณีที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้มีการประชุมการแก้ไขปัญหา บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จนนำไปสู่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นชอบในหลักการ จัดตั้งบริษัท โครงข่าย บรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN Co.) และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศ และศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC Co.) ตามที่กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
- กรณีการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. …. หรือที่เรียกว่า “ร่าง พ.ร.บ.บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ” ที่มุ่งยกระดับและบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) จัดให้มี “บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ” ที่พร้อมรองรับการแปลงทุนเป็นหุ้นของรัฐวิสาหกิจ ที่เป็นบริษัท จำนวน 12 แห่ง ซึ่งมีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าของ เพื่อหวังเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ของรัฐเป็นของกลุ่มทุนต่าง ๆ จนนำไปสู่การผูกขาดสำหรับอนาคต และยังมุ่งออกแบบให้สามารถเพิ่มลดหุ้นจนพ้นสถานะความเป็นรัฐวิสาหกิจได้ ทั้งที่แนวทางดังกล่าวมีการดำเนินการจนเกิดผลกระทบต่อประเทศและประชาชนเป็นกรณีตัวอย่างให้เห็นแล้ว
- กรณีการออก ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. …. เพื่อจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง
- กรณีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 ที่มุ่งให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาแนวทางการปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่และการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ให้มุ่งเน้นดำเนินงานในลักษณะของการเป็นผู้กำกับดูแล และสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมให้มากขึ้น
สิ่งที่กล่าวมาเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่าเจตนารมณ์ที่จะปฏิรูปรัฐวิสาหกิจได้แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและกรอบในการดำเนินการก็มิได้ฟังเสียงของประชาชน หรือจากสหภาพแรงงาน ปราศจากการมีส่วนร่วม จากภาคส่วนต่าง ๆ เป็นการดำเนินการไม่แตกต่างจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา จนเป็นชนวนเหตุให้เกิดวิกฤตของประเทศ และเป็นเหตุให้ประชนชน จำนวนมากออกมาขับไล่เพราะ “การแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย”
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) จึงขอให้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและแนวนโยบายของรัฐบาล ที่นำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และขอยืนยันในเจตนารมณ์และจุดยืนที่ได้กระทำและแสดงออกเสมอมาว่า “สรส. เห็นด้วยและพร้อมสนับสนุนกับการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจที่ไม่ให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซงหาประโยชน์ ต้องการให้มี การบริหารงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ปราศจากการทุจริต มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ให้ประชาชนใช้บริการที่ดี เป็นกลไกของรัฐเพื่อลดความเหลื่อมล้ำเพื่อนำประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” สรส. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อเจตนารมณ์ร่วมกันที่ดี ในการร่วมกันปฏิรูปรัฐวิสาหกิจที่จะไม่นำไปสู่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชน และหวังว่าข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ของ สรส. จะได้รับการพิจารณาด้วย
ทั้งนี้ในวันเดียวกันสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) อีกหลายสาขาได้ออกมายื่นหนังสือแต่ละพื้นที่ในประเด็นดังกล่าวอีกด้วย เช่น นายวิรุฬห์ สะแกคุ้ม เลขาธิการสรส.สาขาหาดใหญ่และสมาชิกราว 60 คนได้เข้ายื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดสงขลา ต่อมาเลขาธิการสรส.ภูเก็ต พร้อมกับพนักงาน Cat และTOT ได้ยื่นหนังสือที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดภูเก็ต ผ่านทางนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ เลขาสรส.จังหวัดนครสวรรค์ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เลขาสรส.สาขาอุตรดิตถ์ สาขาอุบลราชธานี ก็เข้ายื่นหนังสือในพื้นที่ด้วยเช่นกัน