39 องค์กรภาคประชาสังคม ร้องสปส.ยกเลิกเงื่อนไขจำกัดสัญชาติไทย โครงการม.33 เรารักกัน

ภาคประชาสังคมเข้าพบเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ร้องยกเลิกเงื่อนไขจำกัดสัญชาติไทย โครงการม.33 เรารักกัน

วันที่ 26 มีนาคม 2564 เครือข่ายภาคประชาสังคม นำโดยมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน และประชาชน เข้าพบเลขาธิการ สำนักงานประกันสังคมเพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคมช่วยเหลือผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่เป็นแรงงานข้ามชาติ ยกเลิกเงื่อนไขจำกัดเฉพาะสัญชาติไทยในโครงการม.33 เรารักกัน

ตามที่รัฐบาลโดยการเสนอของกระทรวงแรงงานได้มีการอนุมัติโครงการ “ม 33 เรารักกัน” เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา แบ่งเบาภาระค่าครองชีพและลดผลกระทบแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยจ่ายเงิน จำนวนคนละ 4,000 บาท โดยเปิดให้ผู้ประกันตนลงทะเบียนผ่านช่องทาง www.ม33เรารักกัน.com ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2564 ทีผ่านมา แต่โครงการดังกล่าวได้กำหนดเงื่อนไขว่าผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ จะต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น มีผลทำให้แรงงานข้ามชาติที่ไม่มีสัญชาติไทย อาทิ แรงงานสัญชาติสัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว ซึ่งเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ตามวัตถุประสงค์ของโครงการเช่นกันไม่ได้รับสิทธิในเงินช่วยเหลือดังกล่าว

นางสุภัทรา นาคะผิว ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ กล่าวว่า แรงงานข้ามชาติที่เข้าระบบประกันสังคมในประเทศไทย จ่ายเบี้ยประกันสังคมในอัตราเท่ากับผู้ประกันตนสัญชาติไทย เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบกับทุกภาคส่วน แรงงานข้ามชาติในฐานะผู้ประกันตนตามาตรา 33 จึงควรได้รับการช่วยเหลือเยียวยาเช่นเดียวกัน

การกำหนดเงื่อนไขว่าผู้จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ หรือสถานะของบุคคล ขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชน หลักการ Leave no one behind รวมทั้งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ซึ่งประเทศไทยให้การรับรอง และเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ด้วยเหตุนี้เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม จำนวน 39 องค์กร จึงร่วมลงนามในหนังสือฉบับดังกล่าวเพื่อเรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกันตน มาตรา 33 ที่เป็นแรงงานข้ามชาติทุกสัญชาติ ตามโครงการ”ม.33 เรารักกัน” อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ