วันสตรีสากล “กลุ่มสตรียื่น 14 ข้อ แก้ปัญหาความไม่เป็นธรรม

กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี และเครือข่ายกลุ่มต่างๆ ยื่นข้อเรียกร้อง 11 ข้อ ต่อนายกรัฐมนตรี หวังแก้ปัญหาทั้งระบบ เด็ก ผู้หญิง คนพิการ ที่ทำกิน การจ้างงานที่ไม่มั่นคง และความเสมอภาคเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี พร้อมด้วยเครือข่ายแรงงาน และเครือข่ายสตรีกลุ่มต่างๆ ได้เดินรณรงค์ เนื่องในวันสตรีสากล จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำเนียบรัฐบาล ประตู 5 โดยชูคำขวัญว่า “ผู้หญิงต้องกำหนดอนาคตตนเอง” พร้อมยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ซึ่งมี พล.อ.สกล ชื่นตระกูล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีมารับหนังสือแทน

นางสาวนิไลมล มนตรีกานนท์ ประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี ได้เป็นผู้แทนในการยื่นข้อเรียกร้อง และประกาศเจตนารมณ์ ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้ วันสตรีสากล 8 มีนาคม 2562 กว่า 109 ปี “วันสตรีสากล” ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี ขบวนผู้หญิงทั่วโลกได้ร่วมรำลึกเฉลิมฉลองวันที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้มาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน สำหรับปี 2562 นี้ กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรีร่วมกับองค์กรเครือข่ายหลากหลายภาคส่วน จัดกิจกรรมวันสตรีสากล เพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์อันมีพลังสืบทอดเจตนารมณ์แห่งการต่อสู้เพื่อสิทธิของคนงานหญิง และเพื่อขับเคลื่อนการต่อสู้ในยุคสมัยปัจจุบันไปสู่ความเสมอภาคระหว่างเพศและคุณภาพชีวิตที่ดีที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

วันสตรีสากล ก่อกำเนิดมาจากการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของคนงานหญิงในโรงงานสิ่งทอ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากสภาพการทำงานที่เลวร้าย จึงได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องให้นายจ้างเพิ่มค่าจ้างและปรับปรุงสภาพการทำงานรวมทั้งลดเวลาทำงานให้เหลือวันละ 8 ชั่วโมง หรือระบบสามแปด การประท้วงหลายครั้งจบลงด้วยการใช้ความรุนแรงต่อคนงานหญิง

อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องได้ขยายตัวและได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก ในเวทีการประชุมสมัชชานักสังคมนิยมหญิงนานาชาติ “คลารา เซทคิน” ซึ่งเป็นผู้นำในการต่อสู้และผู้นำคนหนึ่งของสมัชชาฯ จึงได้เสนอให้ วันที่ 8 มีนาคม เป็น “วันสตรีสากล” เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ดังกล่าว และได้รับการสนับสนุนจากที่ประชุมอย่างเป็นเอกฉันท์ ซึ่งต่อมาสหประชาชาติได้รับรองวันสตรีสากลนี้

ผู้หญิงแทบทุกประเทศทั่วโลก ต่างใช้วันสตรีสากลเป็นสัญลักษณ์ เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในการต่อสู้ และแสดงความมุ่งมั่นที่จะขจัดอุปสรรคที่ยังมีอยู่  ซึ่งในประเทศไทยได้ขยายตัวเป็นพลังของขบวนหญิงชาย และทุกเพศสภาพ ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นคน  พลังกว้างขวางเพิ่มจากแรงงานในระบบอุตสาหกรรม ไปสู่คนทำงานหญิงหลากหลายสาขาอาชีพ และชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร นำมาสู่การเรียกร้องสิทธิประชาธิปไตยที่มีส่วนร่วมของหญิงชาย สิทธิมนุษยชน และคุณภาพชีวิตของทุกคน

วันนี้เรามารวมพลังกันเพื่อส่งเสียงความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนของพี่น้องผู้หญิงทุกภาคส่วนที่ถูกกระทำถูกละเมิดสิทธิ เพื่อย้ำเตือนถึงพลังแห่งความต้องการการเปลี่ยนแปลง เสียงของเราจะไปถึงพี่น้อง

ของเราถึงประชาชนทุกภาคส่วนในสังคมไทย และถึงผู้มีอำนาจในบ้านเมือง นั่นก็คือรัฐบาล เสียงของผู้หญิงทุกกลุ่ม ทุกภาค ทุกสาขาอาชีพ เพื่อนำเสนอคุณภาพชีวิตคนทำงานหญิงต้องยั่งยืน และมีความเสมอภาคระหว่างเพศ

ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรหญิง 33.7 ล้านคน และชาย 32.4 ล้านคน ซึ่งเป็นหญิงมากกว่าประชากรชายกว่า 1.2 ล้านคน การออกแบบแนวทางการปฏิรูปประเทศ ตลอดจนระบอบการเมืองและการบริหารประเทศย่อมส่งผลต่อประชากรหญิงจึงสำคัญอย่างยิ่ง ผู้หญิงไม่เพียงแต่ต้องเผชิญปัญหาที่เกิดจากความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมร่วมกับผู้ชาย เช่น ความยากจน การไม่มีที่ดินทำกิน ปัญหาการถูกแย่งชิงฐานทรัพยากรจากนโยบายของรัฐ  การถูกลิดรอนสิทธิชุมชน การไม่มีส่วนร่วมในการจัดการและการตัดสินใจ การเข้าไม่ถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรม และความไม่ปลอดภัยจากความรุนแรงในสถานการณ์สามจังหวัดภาคใต้

ขณะเดียวกันผู้หญิงยังต้องเผชิญกับปัญหาเฉพาะ เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงทางเพศ การค้ามนุษย์ ที่มีสาเหตุจากอคติทางเพศ และการปิดกั้นโอกาสที่เท่าเทียมบนหลักการความเสมอภาคระหว่างเพศ ทั้งยังขาดมาตรการที่ปฏิบัติได้จริงในการส่งเสริมโอกาสให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทุกมิติทุกระดับในทางการเมืองการบริหาร และการกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศ เราต้องการให้สังคมตระหนักว่า ยังมีปัญหาการละเมิดสิทธิอย่างรุนแรงต่อผู้ใช้แรงงานในระบบ นอกระบบ ทั้งภาคเอกชน และรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ แรงงานข้ามชาติ กลุ่มผู้ป่วยจากการทำงาน กลุ่มที่ต่อสู้เพื่อสิทธิในการจัดการฐานทรัพยากร ป่าไม้ ที่ดิน เหมืองแร่ น้ำ ในขอบเขตทั่วประเทศ ผู้หญิงที่เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม ครอบครัวที่ถูกอุ้มหายจากการต่อสู้ ผู้หญิง ผู้พิการ กลุ่มผู้หญิงชนเผ่า กลุ่มผู้หญิง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสี่ยงภัยความรุนแรง กลุ่มผู้หญิงชาวไร่ ชาวนา กลุ่มผู้หญิงคนจนเมืองคนสลัม กลุ่มผู้หญิงเยาวชน กลุ่มความหลากหลายทางเพศ รวมถึงปัญหาของเด็ก ลูกหลานครอบครัวของเรา

การนำเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลครั้งแล้วครั้งเล่า รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาของเรา แต่เราไม่เคยท้อถอย รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน ต้องฟังเสียงผู้หญิงและทุกเพศสภาพ  พวกเราเชื่อมั่นว่า ข้อเสนอของเราที่ต้องเน้นหลักการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ความยั่งยืนของผู้หญิงทำงาน และต้องมีความเสมอภาคระหว่างเพศ เป็นข้อเสนอที่ชัดเจน ชอบธรรม และเป็นประโยชน์ต่อทุกคน และต่อการพัฒนาประเทศ

พี่น้องหญิงชายทุกเพศสภาพทั้งหลาย ผู้ที่เป็นแม่ เป็นเมีย เป็นลูก พี่น้องทุกคนของเรา เราจะไม่ยอมจำนนต่อการกระทำของกลุ่มที่เอาแต่ผลประโยชน์ ไม่ว่ากลุ่มทุน กลุ่มนักการเมือง ข้าราชการหรืออำนาจพิเศษใด ๆ เราจะต้องปกป้องสิทธิความชอบธรรมของตนเอง เราต้องกำหนดอนาคตของเราเอง

สำหรับข้อเรียกร้องวันสตรีสากล ประจำปี  2562 ได้แก่

  1. รัฐต้องมีการบังคับใช้กฎหมายการคุ้มครองความเป็นมารดาให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและรัฐต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 183 ว่าด้วยสิทธิการคุ้มครองความเป็นมารดา
  2. รัฐต้องจัดให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนอย่างทั่วถึง มีคุณภาพและปรับเปลี่ยนเวลาเปิด – ปิดศูนย์ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนทำงาน
  3. รัฐต้องให้เงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า 0 – 6 ปี
  4. รัฐต้องกำหนดสัดส่วนผู้หญิงในการตัดสินใจของคณะกรรมการทุกมิติและทุกระดับอย่างน้อย1ใน3
  5. รัฐต้องให้คนพิการเข้าถึงสิทธิและการบริการเท่าเทียมกับคนทั่วไป
  6. รัฐต้องจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัยให้กับผู้หญิงและเด็กใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และในพื้นที่สาธารณะ
  7. รัฐต้องเคารพสิทธิการพัฒนาของประชาชนและผู้หญิงต้องมีส่วนร่วมในการจัดการฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  1. รัฐต้องสร้างความมั่นคงในการทำงานและค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
  2. รัฐต้องคุ้มครองผู้หญิงนักต่อสู้ด้านสิทธิแรงงานและสิทธิชุมชน
  3. รัฐต้องกำหนดความเสมอภาคหญิงชายและทุกเพศสภาพให้เป็นวาระแห่งชาติ
  4. รัฐต้องกำหนดวันสตรีสากล 8 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันหยุดตามประเพณี

ทุกอย่างไม่ได้มาด้วยการร้องขอ แต่ต้องได้มาจากการรวมพลังต่อสู้ผลักดัน สามัคคีกัน แสดงความกล้าหาญ ในการลุกขึ้นต่อสู้ให้พวกที่กดขี่ ขูดรีดเอาเปรียบเรา ได้รับรู้ว่า เราเป็นคนมีศักดิ์ศรี เราต้องมีสิทธิเสรีภาพ และเราต้องได้รับความเป็นธรรมในทุก ๆ ด้าน  ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน

ทั้งนี้บนเวทีได้มีการนำเสนอปัญหาของผู้แทนกลุ่มต่างๆด้วย

ต่อมา นายสมพร ขวัญเนตร ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนสหภาพแรงงานมอลเท็นเอเชียโพลิเมอร์โปรดักส์ ที่ถูกนายจ้างใช้สิทธิ “ปิดงาน” ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2562 จำนวน เกือบ 300 คน เป็นผู้หญิงเกือบ 70 เปอร์เซนต์ ปัญหาที่เกิดเนื่องจากลูกจ้างได้ยื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอปรับสภาพการจ้างตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ และนายจ้างก้ใช้สิทธิในการยื่นข้อเรียกร้องต่อลูกจ้าง และเกิดข้อพิพาทนำไปสู่การประกาศปิดงานสหภาพแรงงานฯ และที่ไม่เคยเจอมาก่อนคือการนัดไกล่เกลี่ยมาแล้ว 21 ครั้ง นายจ้างส่งผุ้แทนมาร่วมเจรจาด้วย 6 ครั้ง ซึ่งเป็นผู้แทนที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ ปี 2562 ควรมีการเจรจามาเพียง 2 ครั้ง นี่ถูกปิดงานมากว่า 50 วันแล้ว นายจ้างใช้วิธีการทำสัญญาข้อตกลง และยื่นข้อเรียกร้องกับลูกจ้างเป็นรายบุคคลเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออก แล้วกฎหมายสิทธิในการรวมกลุ่มจะมีไว้เพื่ออะไรในเมื่อนายจ้างใช้วิธีการแบบนี้ด้วยกระบวนการคุ้มครองแรงงานไม่มี จึงขอให้ทางนายกรัฐมนตรีวนำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาแก้ไขด้วย

รายงานโดย วาสนา ลำดี