สภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย
ตั้งหัวเรื่องเพราะรู้สึกเป็นแบบนั้นจริงๆค่ะ สภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย เห็นกระแสหรือนโยบายยุคนี้แล้วรู้สึกกลัวจริงๆค่ะ การมีนโยบายลดสถิติความปลอดภัยเป็นศูนย์ นโยบายท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัวเลขคนทำงานกว่า 9 ล้านคน คนงานที่ได้รับสิทธิจากกองทุนเงินทดแทน 120,000 คน/ปี เสียชีวิตตายกว่า 600 คน/ปี สูญเสียอวัยวะ 2,200 กว่าคน/ปีถึงขั้นทุพลภาพ 17 คน/ปี ในจำนวนนั้นที่สภาเครือข่ายฯรับเรื่องร้องทุกข์คนงานหนึ่งคนทุพลภาพ จากสารเคมีเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสารเคมีกว่า 20 คนที่เห็นและผ่านเข้ามาเป็นโรคซิริโคซิสกว่า 300 แถมโรงงานก็ยังเปิดกิจการอยู่จนถึงวันนี้ โรคกล้ามเนื้ออักเสบและโครงสร้างกระดูก เช่น ปวดกล้ามเนื้อกับ กระดูกทับเส้น กระดูกแตก หัก จากการทำงานได้รับสิทธิเงินทดแทนกว่า 200 คน ฟ้องศาล 5 คน และต่อมาถูกนายจ้างเลิกจ้าง ถูกปลดออกจากงานกว่า 50 คน จากหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และอะไหล่รถยนต์ เครื่องสุขภัณฑ์ ทอผ้า เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ เครื่องปั้นดินเผาและคลังสินค้ารวมทั้งการประสบอันตรายอุบัติเหตุจากการทำงานโรงงานเหล่านั้น บางแห่งก็ยังได้รับรางวัลดีเด่นด้านเป็นสูญความปลอดภัยและมีสหภาพแรงงานร่วมถ่ายรูปออกสื่ออย่างภาคภูมิใจ ปกปิดคนอื่นๆอาจปกปิดได้ แต่ท่านปกปิดใจตัวเองไม่ได้หลอก ที่สำคัญคนงานที่เจ็บป่วยจากการทำงานเหล่านั้น คงไม่สามารถมองหน้าท่านได้เต็มตาเพราะละอายแก่ใจแทน อันนี้ไม่ได้เขียนให้สังคมแตกแยกหลอกนะคะ แต่อยากให้สังคมรู้สึกตระหนักว่าโลกความเป็นจริงความไม่มีปัญหาแท้ที่จริงแล้ว มันอยู่เหนือความมีปัญหาอย่างแยบยล (เฉพาะที่มีปัญหา)
โรคกล้ามเนื้ออักเสบกับโรคกระดูกทับเส้นเวลาถูกวินิจฉัยออกมาต้องระวังนะคะกล้ามก็กล้ามกระดูกก็กระดูกต้องแยกให้ถูกมีโรงงานหนึ่งเป็นกระดูกทับเส้นแต่เวลาตีออกมาจากคณะกรรมการฯ กลับตีว่า กล้ามเนื้ออักเสบการรักษาแค่ 10 วันกายภาพแค่ 20 ครั้ง ถ้ากล้ามเนื้ออักเสบมันก็มากพอ แต่ถ้าเป็นกระดูกมันไม่หายง่ายๆ ค่ารักษาก็ต่างกันแต่การตีออกมาจากกองทุนว่า เนื่องจากการทำงานนั่นเองที่ทำให้คนงานมักจบตรงนั้นแล้วก็จะมามีปัญหาระยะยาวเพราะครบการรักษาตามคณะกรรมการฯมีมติแต่คนงานไม่หายเพราะเป็นกระดูกต้องมาเสียเวลาอุทธรณ์อีกเสียเวลาเป็นปีมีผลกระทบต่อคนงานโดยตรงโดนผลักไปเข้าประกันสังคมหมด
สำหรับที่มาร้องเรียนกับสภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยฯ ซึ่งสามารถประสานกับกองทุนเงินทดแทนประกันสังคม คนงานมักจะได้รับสิทธิจากกองทุนเงินทดแทน แต่ที่เข้าไม่ถึงการร้องเรียนมีอีกมากมายที่สำคัญหลายรายกว่ามาถึงสภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยฯ มันก็หนักหนาสาหัส และยากจะแก้ไขเสียแล้ว มีกรณีหนึ่งเป็นพนักงานซับคอนแทรก อุบัติเหตุจากการทำงาน ผู้นำส่งมาเอาตอนที่คนงานไปเซ็นต์รับเงิน 2 หมื่นและยินยอมรับว่า ตนเองประมาทเลินเร่อทั้งๆที่เป็นอุบัติเหตุ จากการทำงานที่สำคัญเงินที่ยอมรับ 2 หมื่นนั้นได้จากเพื่อนคนงานคู่กรณีเป็นงวดๆละ 500 บาท
ข้อมูลจากกองทุนเงินทดแทนประกันสังคมในรอบแค่ 5 ปี 2553-2557 มีคนประสบอันตราย 625,143 คน คนงานเจ็บป่วยเป็นโรคสืบเนื่องจากการทำงาน 18,782 คน ซึ่งกว่าจะได้รับสิทธิปัจจุบันมันช่างยากเย็นแสนเข็ญสำหรับพี่น้องคนงานซะเหลือเกิน จากการทำงานคลุกคลีวงใน มันมีตัวแปลหลายอย่าง เช่น คนงานไม่รู้สิทธิ ไม่รู้ว่าเมื่อคนเองป่วยบ่อยๆมาจากการทำงานในกระบวนการผลิตหรือไม่ เมื่อมีปัญหาสุขภาพแล้วไม่รู้จะปรึกษากับใคร ไปพบแต่แพทย์ ในสังคมผู้ใช้แรงงานก็เคร่งเครียดต่อการต้องการวางแผนเพื่อนโยบายความปลอดภัยเป็นสูญ รางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านความปลอดภัย คนงานเองคิดว่า ไม่ใช่หน้าที่สหภาพแรงงาน สหภาพเองก็คิดว่า ควรเป็นเรื่องของคณะกรรมการความปลอดภัยฯ ด้านคณะกรรมการความปลอดภัยฯก็คิดว่า เป็นเรื่องของแพทย์ที่เข้ามาตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจสุขภาพประจำปีก็ไม่มีผลแจ้งถึงคนงานและไม่ใช่ตรวจแบบอาชีวเวชศาสตร์ไม่ตรวจทุกคนเลือกไปเป็นแผนกไปรักษาที่ห้องพยาบาล บางแห่งก็ไม่มีแพทย์พยาบาล ยาไม่มีฯลฯ จนกระทั่งมีการตายเกิดขึ้นที่ห้องพยาบาลเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว เพราะส่งคนไข้ไม่ทันเสียชีวิตซะก่อน ห้องพยาบาลก็ได้รับอิทธิพลในเรื่องความปลอดภัยเป็นศูนย์อีกนั่นแหละ รวมทั้งโรงพยาบาลที่ประกันตนนั่นด้วย ล่าสุดสภาองค์การลูกจ้างแรงงานสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ส่งเรื่องคนงานถูกเครื่องตัดนิ้วมาเนื่องจากพื้นที่เงียบนิ้วหนึ่งข้อแพทย์ให้หยุดแค่ 3 วันอย่างนี้ใครสบายไม่รู้ แต่ลูกจ้างต้องมาทำงานในขณะเลือดยังสดๆอยู่เลย ดังนั้นแผลก็อักเสบจนเหล็กดามเสียหาย คนงานต้องถูกตัดนิ้วอีกข้อหนึ่งแทนที่จะหายเร็วการรักษาแย่ลงไปอีก (เรื่องจริงๆเลยมีหลายกรณี)อย่างนี้คงต้องไปหากระทรวงสาธารณสุข หรือกรรมการแพทยสภาหรือจะให้ท่านลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี )ซักฟอกดี
ล่าสุดพาคนงานเข้าพบท่านรองอธิบดีเพราะมันเลวร้ายจริงๆ 1.นายจ้างหลบเลี่ยงไม่ส่งกองทุนเงินทดแทน 2.ใช้คนงานทั้งๆที่เขาไม่มีใบผ่านงาน 3.พออุบัติเหตุหาว่า คนงานประมาทจะลงโทษ 4.ให้หยุดงานแค่ 3 วัน 5.พอคนงานอยากประเมินกับกองทุนเงินทดแทนนายจ้างข่มขู่อีกว่าถ้าจะเข้ากองทุนเงินทดแทนให้ลาออกซะก่อน
ตัวอย่างนี้ขนาดประสบอันตรายยังไม่เข้ากองทุนเงินทดแทนเลยแล้วที่เจ็บป่วยจากสารเคมีไม่ยิ่งยากกว่านี้หรือ แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับนโยบายระดับชาติที่ผู้บริหารประเทศมองไม่เห็น
การสูญเสียผลกระทบทั้งหมดมันตกอยู่ที่ตัวคนงานเพียงอย่างเดียวเลย ทั้งเจ็บตัว เจ็บใจที่ใช้ง่าย ทั้งสูญเสียสภาพจิตใจ เวลาเข้าโรงงานอย่างสง่างามครบ 32 พอถึงตอนนี้ไม่รู้จะเปรียบกับอะไรเลย วอนสังคมและหน่วยงานที่รับผิดชอบทุกหน่วยงานต้องเคร่งครัดในการกำกับบังคับใช้กฎหมาย หรือจะต้องไปร้องเรียนต่อไปเรื่อยๆ
28 กันยายน พ.ศ.2559
สมบุญ สีคำดอกแค
สภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยฯโทรศัพท์/โทรสาร 02-9512710มือถือ 092-025-9995