มติคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 26 กรกฎาคม 2559

20160127_161047

เรื่อง  ร่างพระราชกำหนดการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ. ….

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนดการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ  พ. ศ. ….  ของกระทรวงแรงงาน (รง.)    ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  และให้ดำเนินการต่อไปได้

สาระสำคัญของร่างพระราชกำหนดฯ

  1. กำหนดบทนิยามการนำคนต่างด้าวมาทำงานตามพระราชกำหนดนี้ให้ชัดเจน โดยหมายความเฉพาะการดำเนินการนำคนต่างด้าวที่รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง  ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ  หรือตามนโยบายของรัฐบาลว่าด้วยการจ้างแรงงานมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ   ตลอดจนกำหนดบทนิยามของถ้อยคำอื่น ๆ ที่มีความหมายเฉพาะตามพระราชกำหนดนี้
  2. กำหนดหลักเกณฑ์ในการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ดังนี้

2.1 การนำคนต่างด้าวเข้ามาในประเทศมี 2 วิธี

(1) กรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ  เป็นผู้นำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ

(2) กรณีที่นายจ้างเป็นผู้นำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ

2.2 กำหนดเหตุพิเศษเฉพาะเรื่องในกรณีที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงเศรษฐกิจ   ภัยพิบัติสาธารณะ   หรือกรณีอื่นในลักษณะเดียวกัน   ให้รัฐมนตรีโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีกำหนดเงื่อนไขใด ๆ   ในการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ    หรือยกเว้นการปฏิบัติใด ๆ ตามที่พระราชกำหนดนี้กำหนดไว้ได้

2.3 กำหนดให้นายจ้างซึ่งเป็นผู้นำคนต่างด้าวมาทำงานกับตนเองในประเทศต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดี  เพื่อความชัดเจน

  1. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้าง ดังนี้

3.1 กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขออนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ดังนี้

(1) มีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วตามที่อธิบดีประกาศกำหนด   แต่ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท

(2) มีทุนเป็นของผู้ถือหุ้นที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนทุนทั้งหมดและจะต้องมีจำนวนผู้ถือหุ้นที่มีสัญชาติไทยไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด  เว้นแต่ในกรณีที่มีสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคีหรือมีความผูกพันตามพันธกรณีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศให้เป็นไปตามบทบัญญัติและเงื่อนไขของสนธิสัญญาหรือความผูกพันตามพันธกรณีนั้น

(3) มีสำนักงานอยู่ในที่ตั้งที่เป็นสัดส่วน  เปิดเผย  มีหลักแหล่งที่แน่นอน  และไม่เป็นสถานที่ต้องห้ามตามที่อธิบดีประกาศกำหนด

(4) ไม่เป็นผู้รับอนุญาต  ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามพระราชกำหนดนี้   กฎหมายว่าด้วยการจัดหางานและคุ้มครองคนงาน  หรือกฎหมายว่าด้วยแรงงานทางทะเล

(5) กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้จัดการ

3.2 กำหนดหลักเกณฑ์การวางหลักประกันความเสียหายของผู้รับอนุญาต  โดยผู้ขออนุญาตต้องวางหลักประกันอันสมควรไว้กับอธิบดี  เพื่อประกันความเสียหายที่อาจเกิดจากการนำคนต่างด้าว  และเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามพระราชกำหนดนี้   ก่อนที่อธิบดีจะออกใบอนุญาตให้แก่ผู้มาขออนุญาต  เป็นจำนวนเงินตามที่กำหนดในกฎกระทรวง   แต่ต้องไม่น้อยกว่าห้าล้านบาท

3.3  กำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องทำสัญญาการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ   โดยอย่างน้อยต้องมีรายละเอียดตามที่อธิบดีประกาศกำหนด

3.4 กำหนดห้ามผู้รับอนุญาตเรียกหรือรับเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดจากนายจ้าง  เว้นแต่ค่าบริการและค่าใช้จ่ายตามรายการและอัตราที่อธิบดีประกาศกำหนด  รวมทั้งห้ามผู้รับอนุญาตเรียกหรือรับเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดจากคนต่างด้าว

3.5 ผู้รับอนุญาตต้องส่งรายงานเกี่ยวกับการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศต่ออธิบดี   ตามแบบรายงานที่อธิบดีกำหนด    ภายในวันที่สิบของเดือนถัดไป

  1. กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของนายจ้างหรือผู้รับอนุญาต ดังนี้

4.1  นายจ้างต้องวางหลักประกันไว้กับอธิบดี  เมื่อได้รับหลักประกันแล้วให้อธิบดีอนุญาตให้นายจ้างนั้นนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศได้

4.2 กำหนดให้นายจ้างส่งคนต่างด้าวกลับไปยังประเทศต้นทางภายใน 7 วัน นับแต่วันที่คนต่างด้าวไม่ได้ทำงานกับนายจ้างหรือวันที่ครบกำหนดตามสัญญา  หากไม่ดำเนินการให้อธิบดีส่งกลับ  โดยหักค่าใช้จ่ายจากหลักประกันที่นายจ้างได้วางไว้

4.3  กำหนดให้กรณีที่ผู้รับอนุญาตไม่นำคนต่างด้าวมาทำงานตามสัญญาการนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ    ให้คืนค่าบริการและค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากนายจ้างไปแล้วทั้งหมดให้แก่นายจ้างภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ครบกำหนดตามสัญญาดังกล่าว

4.4 กำหนดให้กรณีที่คนต่างด้าวเข้ามาทำงานตามพระราชกำหนดนี้และต้องถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองหรือกฎหมายอื่นให้หน่วยงานที่ดำเนินการส่งคนต่างด้าวกลับไปยังประเทศต้นทางเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากนายจ้างหรือผู้ได้รับอนุญาตได้

  1. กำหนดบทควบคุมผู้รับอนุญาต ดังนี้

5.1 ผู้รับอนุญาตนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศต้องใช้ชื่อ  คำแสดงชื่อ หรือคำอื่นใดในการประกอบธุรกิจว่า “บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ”   และจะใช้ถ้อยคำหรืออักษรต่างประเทศอื่นที่มีความหมายเช่นเดียวกันประกอบด้วยก็ได้

5.2 กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปสถานที่ประกอบธุรกิจในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสอบควบคุมตามปกติ   และกำหนดเหตุในการเข้าไปในเคหสถานเพื่อตรวจค้น   ยึดหรืออายัดกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกำหนดความผิดตามพระราชกำหนดได้โดยไม่ต้องแสดงความบริสุทธิ์ในการเข้าตรวจค้น

5.3 กำหนดให้กรณีที่ผู้รับอนุญาตไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศต้นทาง   หรือมีส่วนสนับสนุนการปฏิบัติดังกล่าว   และอธิบดีได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศต้นทางหรือห้ามดำเนินการดังกล่าวแล้ว   แต่ผู้รับอนุญาตไม่ปฏิบัติตามหนังสือแจ้งเตือน  ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตได้

  1. กำหนดโทษอาญาให้เหมาะสมกับลักษณะความผิด แก้ไขเพิ่มเติมสิทธิการเรียกร้องทรัพย์สินหรือราคาจากการกระทำความผิดแทนผู้เสียหายในลักษณะเดียวกับมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ. ศ. 2559 และกำหนดให้กรณีโทษปรับสถานเดียว  ให้อธิบดีสำหรับความผิดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร  หรือผู้ว่าราชการจังหวัดสำหรับความผิดที่เกิดขึ้นในจังหวัดอื่น  แล้วแต่กรณี  มีอำนาจเปรียบเทียบได้
  2. บทเฉพาะกาลกำหนดให้ผู้รับอนุญาตจัดหางานในประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ที่ได้ดำเนินการจัดหาคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ       ให้ดำเนินการต่อไปได้อีกไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ
  • เรื่อง การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบ ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ ดังนี้

  1. รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวและการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง
  1. เห็นชอบในหลักการให้ขยายระยะเวลาการหักเงินค่าจ้างจากลูกจ้างเพื่อนำส่งเข้ากองทุน

เพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2559 – 24 มิถุนายน 2561 และให้เริ่มหักเงินค่าจ้างลูกจ้างเพื่อนำส่งเข้ากองทุนดังกล่าวในวันที่ 25 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ให้ รง. เร่งดำเนินการจัดทำกฎกระทรวงเพื่อรองรับการขยายระยะเวลาการหักเงินค่าจ้างเข้ากองทุนดังกล่าวโดยเร็วต่อไป

  1. เห็นชอบในหลักการให้ รง. ดำเนินการเพื่อรับและส่งแรงงานต่างด้าว รวมถึงให้คำปรึกษา

ช่วยเหลือ รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาด้านแรงงานและปัญหาที่เกี่ยวข้อง  สำหรับกรณีการจัดตั้งศูนย์แรกรับเข้าทำงานและส่งกลับแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดนและศูนย์ร่วมบริการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวให้ รง. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ  และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป